แบกเป้บุกเดี่ยวอินโด : ตอนที่ 3 เดินเท้าลุยภูเขาไฟโบรโม่ ไม่ซื้อทัวร์ ไม่เช่ารถ ไม่ขี่ม้า

หาที่พัก

ฉันเดินหาที่พักในหมู่บ้านหมู่บ้านเซโมโล ลาวัง โดยเริ่มจากโรงแรมยอดฮิตที่เคยเห็นคนไทยรีวิวบ่อยๆ ก่อน อย่างน้อยมีเพื่อนร่วมชาติอยู่ใกล้ๆ ก็ยังอุ่นใจ เผื่อเกิดปัญหาอะไร ปรากฏว่าโรงแรมยอดฮิตอย่าง Cemara Indah Hotel, Bromo Permai  และ Lava View Lodge Hotel เต็มหมด 


แต่ยังโชคดีที่ Lava View มีแผนที่แจกด้วย เลยขอคำแนะนำจากพนักงานว่าถ้าจะไปจุดชมวิวแบบไม่เช่ารถจี๊ปต้องทำยังไง สรุปได้ใจความว่า ปกติคนที่มากับทัวร์หรือเช่ารถจี๊ป เขาจะไปชมวิวภูเขาไฟโบรโม่กันที่ ยอดเขาพีนาจากัน (Ganung Penajagan) ส่วนคนที่เดินเท้าแนะนำให้ไปแค่จุดชมวิวเซรูนิ (Seruni Viewpoint) ก็พอ เพราะระยะทางใกล้กว่าเยอะ และความสวยงามของวิวไม่ต่างกันเท่าไหร่ 

พอได้แผนการเดินทางคร่าวๆ แล้ว ฉันก็ย่ำต๊อกๆ ออกหาโรงแรมต่อไป สักพักก็มีผู้ชายวัยรุ่นผิวคล้ำ ผมหยิก ปากหนาๆ หน่อย ขับมอ’ไซค์ตาม แล้วตะโกนว่า “Sleep?” ฉันทำเป็นไม่ได้ยินและรีบก้าวเท้าให้เร็วกว่าเดิม “Hotel? Come Come Come with me” เขายังคงตามมาอย่างไม่ลดละ ความน่าไว้วางใจติดลบสุดๆ เอาไงดีวะ...วิ่งหนีเลยดีไหม จะหนีทันได้ไงเป้หนักขนาดนี้ แถมเขายังขี่มอ’ไซค์อีก 

น้ำหนักเป้บนบ่าสองใบรวมกันประมาณ 17 กิโลเริ่มออกฤทธิ์กดไหล่ให้ปวดหนึบ และเวลาก็ล่วงมาถึงบ่ายสามแล้ว ถ้ายังไม่มีที่พักก่อนพระอาทิตย์ตกเรื่องใหญ่แน่ ฉันจึงเสี่ยงตามหนุ่มผมหยิกนั่นไปดูห้อง


หน้าตาโฮมสเตย์ 200,000 รูเปียที่ไม่ได้พัก ด้านในมีห้องน้ำในตัว

ห้องแรกที่เขาพาไปดูเป็นโฮมสเตย์หลังเล็กๆ หน้าตาดูดีทีเดียว บอกราคามารอบแรกอยู่ที่ 300,000 รูเปีย (780 บาท) ฉันส่ายหัวทำท่าจะเดินหนี “250,000” เจ้าหนุ่มลงจากมอ’ไซค์แล้วเดินตามมาประกบ ฉันยังคงเดินหนีต่อไป เขาจึงพูดเสียงดังกว่าเดิมเพื่อดึงความสนใจ “200,000 แต่ยังมีที่ถูกกว่านี้อีกนะแค่แสนเดียวอยู่ติดกันนี่แหละ” ฉันหันควับทันที แสนเดียวก็เท่ากับ 260 บาทเอง ถูกดีนะ แต่ขอดูทั้งสองห้องก่อนละกัน เพื่อประกอบการตัดสินใจ ห้องแรกดูดีมากเชียวล่ะ เพิ่งสร้างใหม่ สะอาด กลิ่นโอเค นอนได้สองคน และมีห้องน้ำในตัวด้วย ถ้ามีเพื่อนร่วมทางช่วยหารฉันคงเลือกห้องนี้แน่นอน 


แต่พอเดินทางคนเดียวทีไร ผีขี้ตืดมักจะสิ่งสู่ฉันโดยอัตโนมัติทันที ฉันจึงเลือกห้องราคา 260 บาท ที่โฮมสเตย์ Tengger Permai หน้าตาไม่ค่อยหน้าไว้ใจพอๆ กับหนุ่มผมหยิกที่พามา


โฮมสเตย์เล็กๆ ห้าห้องเรียงติดกัน
ห้องแรกไม่ใช่ห้องพัก เป็นร้านขายของชำเล็กๆ มีพวกสบู่ ยาสระผม ทิชชู่ มาม่า น้ำดื่ม

ด้านในห้องพัก มีเตียงและโต๊ะเครื่องแป้ง
โฮมสเตย์นี้เป็นห้องพักเล็กๆ เรียงติดกันห้าห้อง สภาพห้องนอนไม่แย่มาก ส่วนห้องน้ำเป็นส้วมซึม โทรมๆ มีคราบเหลืองเกาะไปทั่ว ดูร้างราจากการขัดถูมาเนิ่นนาน เหมือนห้องน้ำบนดอยเวลาไปออกค่ายอาสาพัฒนาชนบท แต่ก็เอาวะลองเสี่ยงดู เพราะตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากร้านค้ามาก และห่างจากโรงแรม Cemara Indah ที่คนไทยพักกันเยอะแค่ไม่กี่เมตร เกิดอะไรขึ้นก็ยังวิ่งไปขอความช่วยเหลือได้ ที่สำคัญคือใกล้จุดขึ้นรถกลับเข้าเมือง และใกล้กับจุดออกสตาร์ทสำหรับเดินไปที่จุดชมวิวในตอนเช้าด้วย 



ผลจากการเสี่ยง...ประมาณหนึ่งทุ่มไฟดับค่ะ ตอนไฟไม่ดับก็น่ากลัวนิดๆ อยู่แล้วไง ยังดีที่มีคนอื่นมาพักที่นี่ด้วยเหมือนกัน เป็นกลุ่มฝรั่งแบ็กแพ็กเกอร์สี่คน แต่ตอนที่ไฟดับไม่มีใครอยู่ในโฮมสเตย์เลย ฉันจึงเดินออกไปบอกคนแถวนั้นที่ดูน่าจะเป็นเจ้าของ เอ่อ...ด้วยระดับภาษาอังกฤษห่วยเข้าขั้นวิกฤติ “What’s problem about light?” ไฟมีปัญหาอะไรหรือเปล่า? พี่แกตอบมาสั้นๆ “Dead!” มันตาย และไม่มีคำอธิบายใดๆ เพิ่มเติมทั้งนั้น 

นั่งรอเฉยๆ ก็จิตตกเปล่าๆ เลยไปอาบน้ำดีกว่า เขามีเครื่องทำน้ำอุ่นแบบแก๊สด้วยนะ แต่ไม่กล้าใช้ เลยทนอาบน้ำเย็นไป ซึ่งเย็นพอๆ กับน้ำที่ออกจากตู้เย็นเลย โอ้โห! น้ำที่เกาะตามเส้นขนส่วนต่างๆ ของเรือนร่างแทบจะแข็งเป็นแม่คะนิ้ง 


ฉันอาบน้ำเสร็จสักพักไฟก็มา ทีแรกกะว่าจะเปิดไฟนอนเพราะรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย แต่กลัวหลับไม่สนิท ต้องนอนเยอะๆ เก็บแรงไว้เดินพรุ่งนี้ เลยเอาเก้าอี้ไปกั้นไว้ที่ประตูแทน เผื่อมีคนเปิดเข้ามาอย่างน้อยก็ได้ยินเสียงก่อน แล้วก็ห้อยนกหวีดไว้ที่คอด้วย ฉุกเฉินจะได้เป่าปรี๊ดๆๆๆ 



...ตื่นมาปรากฏว่าสายนกหวีดรัดคออยู่จ้า ดีนะไม่ขาดอากาศตาย ฉันพักอยู่ที่นี่สองคืน ก็ไม่เจอเหตุการณ์ร้ายๆ นะ แล้วก็มีคนพักเต็มทุกห้องเลย ทั้งฝรั่งและคนอินโดนีเซียที่แบกเป้เที่ยวแบบประหยัด แต่ถ้ามีเพื่อนร่วมเดินทางช่วยแชร์ค่าห้อง หรือไม่ได้อยากประหยัดงบมาก แนะนำว่าลองหาที่อื่นดูก็ได้นะ ราคาสัก 200,000 รูเปีย ก็น่าจะได้ห้องดีๆ แล้ว

--

ช่วงนี้ชี้แนะ

ที่พักในหมู่บ้านเซโมโล ลาวัง แบ่งออกเป็นสองโซนหลักๆ คือโซนวิวภูเขาไฟโบรโม่ กับ โซนด้านล่างของหมู่บ้าน โซนวิวภูเขาไฟจะใกล้กับจุดต่อรถ ร้านของชำ ร้านอาหาร และคนพลุกพล่านกว่า ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องเลือกโรงแรมแพงๆ ที่มีจุดชมวิวตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่โรงแรมก็ได้ เพราะไม่ว่าจะพักที่ไหน ก็สามารถเดินไปชมวิวได้เหมือนกัน

ถ้าพักโซนวิวภูเขาไฟ ก็จะได้เห็นวิวประมาณนี้ค่ะ

ที่พักยอดฮิตของคนไทยคือสามเจ้านี้ค่ะ จองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ได้


Lava view Lodge >>  http://lavaview.lavaindonesia.com/room_rate.php
Cafe Lava เป็นโฮสเทลเจ้าของเดียวกับ Lava view Lodge แต่เจาะกลุ่มแบ็กแพ็กเกอร์ ด้วยราคาที่ย่อมเยาลงมาค่ะ ราคาเริ่มต้น 150,000 รูเปีย พนักงานที่นี่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้ดีมากค่ะ ใครไม่ได้พักที่นี่ ลองแวะไปกินข้าวเพื่อขอแผนที่และคำแนะนำเรื่องการเทร็กกิ้งได้ >> http://cafelava.lavaindonesia.com/room_rate.php


Cemara Indah ทัวร์หลายเจ้าๆ มักเลือกที่นี่ให้คนไทยค่ะ ถ้าไปเองก็จองผ่านอโกด้าได้
























Bromo Permai ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อโกด้าเช่นกัน

Yog Bromo Homestay ตอนที่ไปเห็นฝรั่งวัยรุ่นๆ พักที่นี่กันเยอะเลยค่ะ คงเพราะเพิ่งสร้างใหม่ สภาพภายนอกดูดี อยู่ใกล้จุดชมวิว ใกล้จุดเริ่มเดินเทร็กกิ้ง และที่สำคัญคือจองผ่านอโกด้าได้

โซนด้านล่างของหมู่บ้าน ไม่เห็นวิวภูเขาไฟแต่มีวิวไร่นาของชาวบ้าน และใกล้ทางอพยพออกจากหมู่บ้านในกรณีที่ภูเขาไฟปะทุ โซนนี้มีโฮมสเตย์เยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเว็บไซต์ให้จองล่วงหน้า 



รงแรมที่ใหญ่สุดของโซนนี้และสามารถจองผ่านอโกด้าได้คือ Pondok Wisata Adas Hotel แล้วก็มีโฮมสเตย์อีกเยอะมากที่ไม่มีเว็บไซต์ ส่วนตัวแนะนำว่าถ้าไปคนเดียวและกะจะเทร็กกิ้ง เลือกพักใกล้ๆ โซนวิวภูเขาไฟไว้ดีกว่า

วิวโซนด้านล่างของหมู่บ้าน

ราคาสำหรับโฮมสเตย์ ห้องน้ำรวมส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 200,000 รูเปีย ส่วนพวกห้องที่มีห้องน้ำในตัวเริ่มต้นประมาณ 500,000 รูเปีย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาด้วยว่าเป็น โลว์ซีซั่น ไฮซีซั่น หรือพีคซีซั่น ถ้าอ้างอิงจากเว็บของ Lava view Lodge เขานับตามนี้ค่ะ

โลว์ซีซั่น : 5 มกราคม – 1 พฤษภาคม
ไฮซีซั่น : 2 พฤษภาคม – 20 กันยายน
พีคซีซั่น : 21 กันยายน – 4 มกราคม

ส่วนโรงแรมอื่นก็ต่างจากนี้นิดหน่อยค่ะ บางทีถ้าเป็นช่วงวันหยุดยาว เสาร์ อาทิตย์ ก็จะบวกราคาเพิ่มประมาณ 20% ถ้าจะไปเที่ยวบาหลีต่อด้วย แนะนำช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง สิงหาคม เพราะเป็นไฮซีซั่นของบาหลีพอดี อากาศกำลังเย็นสบายและฝนไม่ตก

จำเป็นต้องจองล่วงหน้าไหม?

ถ้าไปกันหลายคนและกำหนดวันแน่นอนไว้แล้ว ควรจองล่วงหน้าค่ะ แต่ถ้าเป็นกลุ่มเล็กๆ เที่ยวไปเรื่อย ไม่ได้กำหนดวันเวลาแน่นอน เดินหาตอนวันที่ไปถึงก็หาที่พักได้ไม่ยาก

ความคิดเห็น

รูปภาพของฉัน
pOndjaa
ชื่อ ปอนด์ เกิดและเติบโตที่ชานเมืองกรุงเทพฯ หลงใหลการอ่านหนังสือ ชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม สนใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ ปัจจุบันทำงานเป็นนักเขียนอิสระและรับสัมภาษณ์บุคคล สนุกกับการดูซีรี่ย์และทดลองสูตรอาหารใหม่ๆ เมื่อมีเวลาว่าง ติดต่อ Line id : pond_jaa