หลังจากสิ้นหวังกับการขี่จักรยานเที่ยวไปแล้ว ฉันก็หันหน้าเข้าหาทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับแทน ภายในเมืองอูบุดมีร้านขายทัวร์อยู่ทั่วไปหมด ตรงข้ามปากซอยของโฮสเทลที่ฉันพักก็มีอยู่เจ้าหนึ่ง ตั้งเป็นซุ้มชั่วคราวตอกขึ้นมาจากไม้แบบง่ายๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นแพ็กเกจเดียวกันหมด เท่าที่เห็นคือมีอยู่ 10 เส้นทาง ราคาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระยะทางและจำนวนสถานที่ท่องเที่ยว แต่รวมๆ แล้วอยู่ที่ประมาณ 150,000 - 250,000 Rp.
ร้านของพ่อหนุ่มเดรดล็อกส์ |
เดินสำรวจจนทั่วเมือง เจอร้านหนึ่งหน้าตาอินดี้และราคาถูกกว่าเจ้าอื่นนิดหน่อย ชื่อ Wax’s Family Shop คนขายเป็นหนุ่มผิวเข้ม ตัวใหญ่บึกบึน ทำผมทรงเดรดล็อกส์ คุยเก่งและอัธยาศัยดีมาก เจอกันครั้งแรกทำเหมือนรู้จักกันมา 20 ปี แต่สภาพร้านดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ เป็นร้านขายงานศิลปะท้องถิ่นที่มีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างความอาร์ตกับความรก
ฉันเลือกแพ็กเกจ Kintamani - Vocalno Tour ราคาถูกที่สุดมาชิมลางก่อน กะว่าถ้าโดนโกงก็ไม่เจ็บตัวมาก แพ็กเกจนี้พาไปทั้งหมดเจ็ดสถานที่ พ่อหนุ่มเดรดล็อกส์บอกฉันไว้ว่ารถจะมารับหน้าที่พักเก้าโมงเช้า แต่กว่าจะมาจริงๆ ก็เลทไปครึ่งชั่วโมง ยืนรอไปก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ คิดว่าจะโดนเบี้ยวซะแล้ว สมาชิกร่วมแก๊งวันแรกเป็นคู่รักสองคู่ คู่แรกวัยรุ่นจ๋าเลยมาจากเกาะอังกฤษ แซ่บๆ กวนๆ นิดนึง ส่วนอีกคู่เป็นสาวเวียดนามกับหนุ่มแคนาเดียนดูเรียบร้อยและเป็นมิตร นั่งเบาะหลังสุดกระหนุงกระหนิงกันอยู่สองคน และมีสาวจีนชื่อเจสซี่ แซ่ลิ่วฉายเดี่ยวเหมือนฉัน เราเลยเป็นคู่หูกันไปโดยปริยาย เพราะฉันต้องคอยถ่ายรูปให้เธอตลอดทริป
ทุกคนในทริปนี้เคยมาเมืองไทยกันหมดแล้ว ยกเว้นเจสซี่ที่แพลนว่าจะไปพม่าก่อนแล้วค่อยมาเมืองไทย เจสซี่ให้ช่วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ หน่อย ฉันกำลังนึกอยู่ว่าจะตอบอะไรดี สาวเมืองผู้ดีก็แทรกขึ้นมาว่า “ไปดูโชว์ปิงปองสิ” (โชว์ที่เอาปิงปองยัดในจิ๋มแล้วยิงใส่แขก) ...จ้ะ
จุดแรกที่คนขับรถพาไปคือวัดถ้ำช้างซึ่งฉันขี่จักรยานไปมาแล้วเลยไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ ส่วนที่ต่อมาคือวัดกุนุงกาวี (Pura Gunung Kawi) อนุสรณ์สถานแห่งราชวงศ์บาหลี ที่ฝังศพของกษัตริย์ Anak Wungsu และพระมเหสีเอาไว้ ไฮไลท์คือหน้าผาหินสูงราวๆ เจ็ดเมตรที่แกะสลักเป็นแท่นบูชา บริเวณโดยรอบโอบล้อมไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ มองลงไปด้านล่างจะเห็นทุ่งนาที่ข้าวกำลังตั้งยอดอ่อนและมีธารน้ำเล็กๆ ไหลผ่าน เป็นการเปิดทัวร์ที่ดีทีเดียว
วัดกุนุงกาวี (Pura Gunung Kawi) |
วัดกุนุงกาวี (Pura Gunung Kawi) |
สถานที่ต่อไปคือวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Pura Tirtha Empul Tampaksiring) เป็นวัดที่มีบ่อน้ำพุให้อาบน้ำ เชื่อกันว่าเป็นบ่อน้ำที่พระอินทร์สร้างขึ้นเพื่อชุบชีวิตเทวดา ชาวบาหลีเลยมักจะอาบน้ำที่นี่เพื่อความเป็นสิริมงคล ปัดเป่าความชั่วร้าย และรักษาโรค ซึ่งก่อนอาบก็ต้องมีการทำพิธีบูชาเทพเจ้าเสียก่อน นักท่องเที่ยวก็สามารถลงไปอาบได้นะ แต่คนที่มากับทัวร์ไม่ค่อยมีใครลงเท่าไหร่ เพราะต้องทำเวลาเพื่อไปต่ออีกหลายที่
วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Pura Tirtha Empul Tampaksiring) |
วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Pura Tirtha Empul Tampaksiring) |
วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Pura Tirtha Empul Tampaksiring) |
วัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ (Pura Tirtha Empul Tampaksiring) |
หลังจากชะโงกทัวร์เรียบร้อยสถานที่ละ 30 นาที คนขับก็พาพวกเรามาไร่กาแฟซึ่งต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี มีการนำชมสวน โชว์คั่วเมล็ดกาแฟ เอาเครื่องดื่มสารพัดชนิดใส่ถ้วยจิ๋วๆ มาให้ลองชิมมากมาย ทั้งน้ำมังคุด น้ำกระเจี๊ยบ น้ำขิง น้ำมะนาว กาแฟ โกโก้ ฯลฯ แล้วก็พยายามขายกาแฟขี้ชะมดแก้วละ 50,000 Rp. (130 บาท)
คนมาเป็นคู่สั่งคู่ละแก้วมาแบ่งกันกิน สาวจีนกินคนเดียว ส่วนฉันขอผ่าน กินบ่อยแล้วที่ปั๊มน้ำมันแถวดอนเมือง กินกาแฟเสร็จคนอื่นก็ไปช้อปชากาแฟกันคนละห่อสองห่อ ส่วนฉันขอผ่านเหมือนเดิม เพราะข้าวของไม่ได้แตกต่างจากเมืองไทยมากนัก แถมราคายังแพงเว่อร์กว่าที่ควรจะเป็นด้วย นี่มันร้านดักนักท่องเที่ยวชัดๆ
ก่อนไปกินข้าวกลางวัน อาเฮียคนขับแวะให้พวกเราถ่ายรูปกันที่จุดชมวิวคินตามณี มองออกไปเห็นภูเขาไฟบาร์ตูและทะเลสาบสวยงาม ...แต่มีหญ้ารกๆ บังเพียบ ซึ่งพอขับต่อไปอีกหน่อยก็มีจุดชมวิวอีกที่ซึ่งดูดีกว่ามากแต่ไม่ได้แวะ พี่แกไปจอดที่แรกทำไมฟะ ยังงงใจมาจนถึงทุกวันนี้ อยากให้พวกเราถ่ายภาพแนวอาร์ตๆ มีหญ้าบังเยอะๆ เหรอ
จุดชมวิวคินตามณี |
เมื่อคืนระหว่างจัดกระเป๋า ฉันหาข้อมูลมาประมาณหนึ่ง เลยพอรู้ว่ามื้อกลางวันทัวร์พวกนี้จะพาไปกินบุฟเฟ่ต์ หัวละประมาณแสนรูเปียห์กว่าๆ ตกเกือบ 300 บาท ยังไม่รวมค่าน้ำ ซึ่งนอกจากแพงแล้วก็ยังไม่ค่อยอร่อยด้วย และก็เป็นไปตามคาด อาหารรสชาติเฉยๆ มาก เน้นขายวิวนาขั้นบันไดเป็นหลัก มุมนี้เคยได้ขึ้นปกนิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกด้วย
นาขั้นบันไดในร้านบุฟเฟ่ต์ |
ถึงตอนจ่ายเงินค่าอาหาร สาวจีนมีเงินรูเปียห์ไม่พอจ่ายค่ะ เพราะระหว่างทางเธอจับจ่ายเยอะไปหมดกินน้ำมะพร้าว จิบกาแฟ ซื้อของฝาก คงไม่รู้มาก่อนว่าจะเจออาหารราคานี้ สุดท้ายเลยต้องจ่ายเป็นดอลล่าร์และรับเงินทอนเป็นรูเปียห์ในเรทที่ขาดทุนสุดๆ
กินข้าวเสร็จคนขับก็พากลับเข้าเมืองอูบุดเฉยเลย ตัดวัดอูลันดานูบาตูร์ออกซะงั้น ฮีบอกว่า “วันนี้พวกคุณดูวัดมาเยอะแล้วล่ะ และวัดนี้ก็มีทั้งค่าเข้าค่าไกด์ อาจจะแพงถึง 100,000 Rp. เรากลับกันดีกว่าเนอะ” เจสซี่ซึ่งแทบไม่เหลือเงินแล้วก็เลยรีบเออออห่อหมก แต่ฉันเดาว่าที่ตัดออกเพราะเลยเวลาของทัวร์แล้วมากกว่า เพราะกว่าจะออกจากอูบุดก็สายไปครึ่งชั่วโมงละ แอบร้องไห้งอแงอยู่ในใจด้วยความเสียดาย เพราะวัดนี้สวยมากมีมุมที่ยื่นออกไปกลางทะเลสาบบราตันด้วย พี่ควรพาหนูไปที่นี่มากกว่าไร่กาแฟและจุดชมวิวหญ้ารกๆ ไหมคะถามใจตัวเองดู!
ช่วงนี้ชี้แนะ
- ถ้าใครอยากได้ความมั่นใจ 100% ว่าจะไม่ถูกหลอกจากการซื้อทัวร์อย่างแน่นอน แนะนำให้ไปซื้อจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนนถนนราชาอูบุด (Jl. Raja Ubud) ซึ่งมีความเก๋ไก๋สไตล์บาหลีคือเป็นแพ็กเกจแบบเดียวกับร้านทั่วไปเป๊ะๆ แต่ราคาแพงกว่าเล็กน้อย ...เก๋ป่ะล่ะ
- ก่อนเข้าไปในโบราณสถานต้องใส่โสร่งและผ้าคาดเอว ควรเตรียมมาก่อนล่วงหน้า มิฉะนั้นอาจถูกหลอกขายในราคาแพงกว่าความเป็นจริง
- Wax’s Family Shop ร้านทัวร์ที่ฉันใช้บริการ ตั้งอยู่ที่ถนน Sri Wedari No.1 เบอร์โทร. 081 999 215 285 ราคาถูกกว่าเจ้าอื่นเล็กน้อย ทัวร์เส้นทาง Kintamani คนอื่นขาย 150,000 Rp. ที่นี่ขาย 125,000 Rp.
ป.ล.
สุดท้ายเจสซี่ก็ไม่ได้มาดูโชว์ปิงปองที่เมืองไทย เพราะตอนไปพม่าเธอดันเจอน้ำท่วมอย่างหนัก เลยตัดสินใจบินกลับจีนไปเลยไม่ทงไม่เที่ยวมันละ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น