ทริปชิลล์ๆ หัวหิน 2 วัน 1 คืน พัก กรวรรณ การ์เด้น วิว / เที่ยว บ้านศิลปิน ตลาดน้ำสามพันนาม / กิน โสภาซีฟู้ด เจ๊กเปี๊ยะ ครัวครูหมู

พอบอกว่าจะพาไปเที่ยว หัวหินวัยรุ่นหลายคนคงเบ้ปากแอบเซ็ง เพราะมันช่าง So Mainstream! ทะเลก็สู้ตามเกาะที่น้ำเป็นสีฟ้าใสกิ๊งไม่ได้ เราเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่พอดีจังหวะชีวิตต้องการทริปสั้นๆ เผื่อผ่อนคลาย ไม่ไกลกรุงเทพฯ ทีแรกเล็งพวกเกาะใกล้ๆ ฝั่งตะวันออกไว้ แต่เช็กพยากรณ์อากาศแล้วปรากฏว่าพายุเข้าพอดี เลยหนีมาหัวหินแทน คิดว่าคงไม่มีอะไรมาก ไปๆ มาๆ กลายเป็นทริปที่ประทับใจทริปหนึ่งเลยค่ะ

เรามาเที่ยววันธรรมดาแบบกระทันหัน ไม่ได้จองที่พักล่วงหน้า คิดว่าคงว่างเยอะ ผิดคาดค่ะ! หลายที่เต็มแล้ว เพราะเพิ่งพ้นวันหยุดยาวมา หลายๆ ครอบครัวเลยเที่ยวต่อยังไม่เช็กเอาท์กัน ระหว่างนั่งรถก็โทรเช็กและดูรีวิวจากในเว็บไว้หลายที่ 
จนมาสะดุดตากับ กรวรรณ การ์เด้น วิว (Korawan Garden View) ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 102 ยังไม่ค่อยมีรีวิวเท่าไหร่ แต่ชาวต่างชาติใน tripadvisor ชมกันหลายคน เลยลองขับรถเข้าไปดูค่ะ ขับเข้าไปเรื่อยๆ จนข้ามทางรถไฟ ไกลพอสมควร หน้าทางเข้ามีจุดสังเกตคือโรงยิมสอนมวยไทย แล้วก็เข้าไปต่อจนสุดซอย


ที่นี่เป็นบังกะโลเล็กๆ มีห้องสองแบบ คือห้องพัดลมราคาหลักร้อยและห้องแอร์ 1,250 บาทค่ะ แขกมีทั้งฝรั่ง ไทย จีน ครบค่ะ ส่วนใหญ่เป็นคนที่ต้องการปลีกวิเวก มาถึงปุ๊บยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะพักค่ะ เพราะรู้สึกว่ามันไกลแหล่งชุมชนไปหน่อย ขอดูห้องก่อนละกัน มีสาวสวยมาต้อนรับไม่แน่ใจว่าพนักงานหรือเจ้าของ ยิ้มแย้มแจ่มใสบริการดีมาก ห้องที่ให้ดูก็สะอาดสะอ้านดี ไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่อึดอัด ตกแต่งแบบธรรมชาติๆ ได้อารมณ์เหมือนติดเกาะ เลยตัดสินใจพักหนึ่งคืนค่ะ
สระว่ายน้ำตอนมองจากด้านบนรู้สึกว่าเล็ก ลงไปว่ายแล้วก็โอเคค่ะ ว่ายกลับไปกลับมาได้เพลินๆ แต่ถ้าลงพร้อมกันหลายๆ คนคงมีชนกันบ้าง พอดีตอนนั้นเราลงคนเดียวเหมือนเป็นสระส่วนตัวฟินเลย ช่วงกลางคืนมีลมโกรกเบาๆ ซื้อเบียร์มานอนจิบริมสระชิลล์อย่าบอกใคร ถึงจะห่างไกลจากชายหาดแต่อากาศดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยค่ะ

เราพักห้องเบอร์ 9 ห้องมีทีวี น้ำอุ่น แอร์ โต๊ะเล็กๆ น้ำดื่ม ผ้าขนหนู สบู่ ยาสระผม ไม่มีตู้เย็น มีปัญหาเล็กน้อยคือตอนตื่นมา 6 โมงเช้า น้ำไม่ไหล เขาซ่อมระบบน้ำพอดี แต่ไม่ซีเรียสมาก ขับรถออกไปกินข้าวเช้าก่อน กลับมาอีกทีทุกอย่างก็เรียบร้อย ส่วนสายฉีดก้นกับฝักบัวถ้าน้ำแรงอีกนิดก็จะดี นอกนั้นรวมๆ แล้วประทับใจค่ะ

ที่นี่เหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวชิลล์ๆ นั่งๆ นอนๆ และมีรถส่วนตัว หรือเช่ามอเตอร์ไซค์ขับนะคะ เพราะเข้าซอยมาลึกพอสมควรและอยู่ห่างจากชายหาด

วันแรกที่มาถึงเรากินมื้อเย็นที่ โสภาซีฟู้ด’ เขาตะเกียบ สั่งกุ้งเผาครึ่งโล 425 บาท (โลละ 850 บาท) ปูม้านึ่งครึ่งโล 325 บาท (โลละ 650 บาท) กับเบียร์ไฮเนเก้นสองขวด ขวดละ 100 บาท 
ปกติบ้านเราชอบกินซีฟู้ดที่ชะอำมากกว่า เพราะส่วนใหญ่ราคาค่อนข้างย่อมเยากว่าหัวหิน แต่วันนี้มาพักชิลล์ๆ ขอกินสะดวกๆ หน่อย ขี้เกียจขับไปขับมา

ร้านบ้านๆ อยู่ติดริมทะเลเลยค่ะ นั่งกินไปลมตีหน้าตลอดเวลา บรรยากาศดีมาก แต่น้ำแข็งละลายเร็วโคตรๆ

กุ้งตัวใหญ่ เนื้อฉ่ำใช้ได้เลย แต่เผาแห้งไปนิดนึง ถ้าสุกน้อยกว่านี้แบบแกะออกมาแล้วมีน้ำซึมๆ จะเพอร์เฟ็กต์เลยค่ะ น้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บมากสมกับเป็นร้านดัง ไม่ผิดหวังเลย

ปูม้านึ่ง ที่สุดแห่งความดีงาม เนื้อแน่น ไข่เต็มกระดอง นึ่งมาสุกกำลังดี ทุบก้ามมาให้แกะง่ายด้วย มื้อนี้จบด้วยความประทับใจค่ะ ทั้งบรรยากาศและอาหารชนะเลิศ

กินคาวแล้วก็ต้องตบท้ายด้วยของหวาน เราแวะที่ร้านวิไลวรรณ’ ค่ะเพราะเป็นทางกลับเข้าหัวหินพอดี 
ร้านตกแต่งสไตล์อเมริกันคอทเทจน่ารักและอบอุ่นมาก ถ้าหนุ่มๆ พาสาวที่เพิ่งจีบมา เธอต้องกรี๊ดกร๊าดแน่นอนค่ะ
ด้านในมีที่นั่งเยอะค่ะ รองรับครอบครัวใหญ่แบบเป็นสิบๆ คนได้สบาย ตอนเรามาก็มีสองครอบครัวใหญ่ใช้บริการอยู่พอดี เราสั่ง Red Wine Chocolate Mousse 125 บาท เนื้อเนียนนุ่มละมุนลิ้น ผิวสัมผัสยอดเยี่ยม มีรสไวน์เจือนิดๆ แปลกลิ้นดี แต่ติดที่หวานเกินไปหน่อยค่ะ ส่วนเครื่องดื่มเลือกช็อกโกแลตเย็น 90 บาท เข้มข้นรสชาติดีทีเดียว แต่หวานเกินไปเช่นกันค่ะ ทั้งๆ ที่ปกติเราก็เป็นคนกินหวานนะ ถ้าได้มาอีกครั้งหน้าคงสั่งหวานน้อย

วันรุ่งขึ้น เราขับรถไปกินข้าวเช้าที่ เจ๊กเปี๊ยะ’ ซอยหัวหิน 51/6 ร้านเก่าแก่ของหัวหิน มาทีไรก็กินแต่ ข้าวต้มทะเล’ ชามละ 50 บาท 

หน้าตาอาจจะดูโหรงเหรงนิดนึง แต่น้ำซุปหวานหอมมากค่ะ ถือว่าเป็นทีเด็ดเลย เห็นว่าหลายๆ เมนู เช่น ต้มเลือดหมู ข้าวหมูแดง ก็อร่อยเหมือนกัน แต่ยังไม่เคยชิมค่ะ

มื้อกลางวันกินก๋วยเตี๋ยวง่ายๆ แล้วก็ล้างปากด้วยขนม ร้าน Together Bakery & Café ถนนเดชานุชิต อันนี้เป็นร้านดังเหมือนกันค่ะ เห็นว่าโดดเด่นจริงเรื่องขนมเลยลองมาชิม เพราะเท่าที่ลองเสิร์ชข้อมูลร้านขนมในหัวหิน หลายรีวิวจะแนะนำว่าร้านนู้นร้านนี้บรรยากาศดี แต่แพงและขนมไม่ถูกปากเท่าไหร่ เราเน้นกินค่ะ ต้องตามหาของอร่อยเป็นหลัก

เมนูดังสุดของร้านคือ ‘เค้กมะพร้าวอ่อน’ ถาดเล็ก 85 บาท แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่ตักเข้าปากแล้วรู้สึกคุ้มค่า เพราะอร่อยจริงอร่อยจัง ตัวเนื้อมะพร้าวด้านบนนิ่มมาก ชั้นวิปครีมหนาๆ ก็ใช้ของดี นุ่มละมุนลิ้น ไม่เลี่ยนเลย ด้านล่างเป็นเนื้อเค้กวานิลากับใบเตย ส่วนที่เป็นเค้กใบเตยสีเขียวสังเคราะห์ไปหน่อย และตอนออกจากตู้เย็นใหม่ๆ รู้สึกเนื้อหยาบไปนิดนึง แต่พอวางไว้จนคลายเย็นก็อร่อยล้ำ แนะนำเลยค่ะสำหรับคนที่ชอบเค้กแนวครีมล้นหรือชอบเค้กมะพร้าวอยู่แล้ว

เครื่องดื่มยังไม่ค่อยผ่านค่ะ มอคค่าหวานเกินไป ส่วนน้ำผึ้งมะนาวปั่น ก็ไม่ค่อยมีกลิ่นมะนาวเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับราคาแล้วรู้สึกว่ารสชาติต้องได้อีก (จำราคาเครื่องดื่มไม่ได้ แต่เค้ก + น้ำสองแก้ว = 215 บาท)

กินอิ่มแล้วก็ออกไปเที่ยวกันบ้าง ทริปนี้เป็นแนวชิลล์และเน้นการพักผ่อนอย่างจริงจังค่ะ ไม่ได้ผจญภัยโลดโผนมาก เลยแวะแค่สองที่คือ ‘หมู่บ้านศิลปิน’ ตำบลหินเหล็กไฟ กับ ตลาดน้ำสามพันนาม ทั้งสองที่เข้าฟรีค่ะ


หมู่บ้านศิลปิน
ก่อตั้งโดยมี คุณชุมพล ดอนสกุล นักสะสมผลงานศิลปะร่วมกับศิลปิน ทวี เกษางาม เปิด 10.00 – 17.00 น. ปิดทุกวันจันทร์ ข้างในบรรยากาศร่มรื่นดีค่ะ สามารถมาเดินชมงานศิลปะในวันสบายๆ ได้ เขามีเวิร์คชอปสอนศิลปะด้วย ผู้ใหญ่ชั่วโมงละ 150 บาท เด็กชั่วโมงละ 100 บาท วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ รู้สึกเขาจะมีตลาดนัดศิลปะ มีการแสดงดนตรีแจ๊สด้วยค่ะ คงจะคึกคักพอสมควร แต่เราไปวันธรรมดาก็ค่อนข้างเงียบ มีศิลปิน 3-4 ท่านนั่งทำงานอยู่ตามสตูดิโอของตัวเอง

ถ้ามาเที่ยวหัวหินแล้วเวลาเหลือ ขับรถเลยมาอีกหน่อยก็ถือว่าเป็นสถานที่ที่น่าสนใจค่ะ บรรยากาศดีเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ


ตลาดน้ำสามพันนาม
อันนี้แวะเพราะอยากหาอะไรกินเล่นเบาๆ ก่อนถึงมื้อเย็นค่ะ สินค้าโดยรวมเหมือนตลาดน้ำทั่วไป มีของกิน น้ำพริก เสื้อผ้า กระเป๋า ของที่ระลึก ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมาก มีมุมให้ถ่ายรูปพอสมควร แต่ไม่ได้กิ๊บเก๋เท่าเพลินวานค่ะ ตามความเห็นเราถ้าไม่รู้จะไปไหนและอยากลองมาเดินเล่น ก็โอเคค่ะ เพราะของที่ขายไม่แพงมากและไม่เสียค่าเข้า 
แต่ถ้ามีโปรแกรมเที่ยวที่อื่นอยู่แล้ว พลาดที่นี่ไปก็ไม่ได้ถือว่าน่าเสียดายแต่อย่างใด

ปิดท้ายทริปนี้ด้วยมื้อเย็นที่ เมืองแม่กลอง สมุทรสงคราม แวะกินข้าวร้าน ครัวครูหมู กันค่ะ ทีแรกกะจะหิ้วท้องเข้าไปกินเนื้อย่างในกรุงเทพฯ แต่พอขับผ่านแม่กลองคนขับรถดันบ่นขึ้นมาว่า “อยากกินปลาทูเราเลยลองเสิร์ชๆ ดู เจอร้านนี้น่าสนใจดี และไม่ผิดหวังเลยค่ะ คนขับบอกว่าเป็นมื้อที่ประทับใจที่สุดในทริปเลย

ร้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ข้างโรงเรียนดรุณานุกูล เปิดจันทร์-ศุกร์ 17.00 – 21.00 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ 11.00 – 21.00 น. ครัวปิด 20.00 น. การเดินทางคือพอข้ามสะพานแม่กลองมาแล้ว ให้ชิดซ้ายเพื่อกลับรถขับย้อนกลับไปทางแม่น้ำ และเข้าซอยยาโกเบ อาจจะหายากหน่อยแต่ไปถึงแล้วคุ้มค่าค่ะ

เราไปถึงตอนร้านเพิ่งเปิดพอดี เขายังจัดโต๊ะไม่เสร็จเลยอดนั่งริมน้ำ พอนั่งไปสักพักหนึ่ง ลูกค้าก็ทยอยมาเรื่อยๆ จนเต็มร้าน นี่ขนาดเป็นวันธรรมดานะเนี่ย สั่งมาลองสองเมนูคือ ปลาทูทอดนํ้าปลากับ ปลาหมึกผัดกะปิ

ปลาทูทอด 6 ตัว 120 บาท ถูกใจมากค่ะ กรอบจนกินได้ทั้งตัว แกะออกแค่ก้างใหญ่ตรงกลางตัว ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดนิดนึง อร่อยลืม ระหว่างที่นั่งพิมพ์น้ำลายสอเลยค่ะ อยากกินอีก

หมึกผัดกะปิ 150 บาท ปลาหมึกแม่กลองสดๆ ชิ้นใหญ่ หั่นหนาๆ ผัดกับกะปิและกระเทียมดอง รสชาติออกเค็มๆ หวานๆ อร่อยค่ะ จะออกหวานนิดนึง ใครไม่ชอบกับข้าวออกหวานแบบเรา (คือชอบกินของหวานแต่กับข้าวต้องไม่หวานนำ) ต้องขอพริกน้ำปลามาช่วยตัดรสหน่อยค่ะ

ครูหมูเจ้าของร้านอัธยาศัยดีมากค่ะ เขาเดินคุยกับเพื่อนที่มากินอยู่โต๊ะข้างๆ เราหันไปยิ้มและชมว่าอร่อย เขาหันมาเห็นว่าบนโต๊ะไม่มีข้าว เลยถามว่าทำไมไม่สั่งข้าวด้วยล่ะ พอบอกว่ากินข้าวจนหมดแล้ว มีการจะแถมข้าวให้ด้วย แต่พอดีอิ่มจนจุกแล้วเลยไม่ได้รับ ของหวานเราสั่งเป็นพุดดิ้งมะพร้าวอ่อน 30 บาท (กระเพาะของคาวกับของหวานแยกกัน) อร่อยมาก หอม มัน จนต้องซื้อกลับบ้านเพิ่ม และครูหมูยังแถมฝรั่งหวานๆ ให้อีกหนึ่งจานด้วยค่ะ


บรรยากาศร้านก็ดีค่ะ ติดริมแม่น้ำแม่กลอง ได้บรรยากาศแบบบ้านๆ ราคาไม่แพง ส่วนการบริการอาจจะไม่ได้เลิศเลอมากนะคะ พนักงานส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน แต่รวมๆ แล้วโอเคเลยค่ะ ถ้าไปเสาร์-อาทิตย์อาจจะต้องโทรจองก่อนที่เบอร์ 034-723-226 เพราะขนาดวันธรรมดาคนยังแน่น

จบทริปแล้ว ชาร์จแบตเต็มที่ก็กลับมาลุยงานต่อค่ะ ทริปนี้เราหนีไปเที่ยวก่อนสงกรานต์เพราะไม่อยากเจอคนเยอะ กะไปชิลล์เต็มพิกัดแล้วก็ได้ชิลล์สมใจ หัวหินนี่อยู่ตรงไหนก็มีลมโกรกเบาๆ เกือบตลอดทั้งวัน ขนาดเป็นเดือนเมษายนยังแทบไม่เจอความร้อนอบอ้าวเลยค่ะ ถึงว่าใครๆ ก็พากันติดใจไปแล้วไปอีก เราเองก็เริ่มติดใจบ้างแล้วเหมือนกัน แต่คราวหน้าขอจองที่พักผ่าน Traveloka ค่ะ เพราะเพิ่งไปค้นเจอมาเห็นที่พักหัวหินราคาดีเยอะแยะเต็มไปหมด แถมยังจองง่าย ไม่มีค่าธรรมเนียม รับรองทริปหน้าคงได้ราคาที่พักถูกกว่าเดิมชัวร์ๆ

* ราคาที่พักและอาหาร เดือนเมษายน 2558

ความคิดเห็น

รูปภาพของฉัน
pOndjaa
ชื่อ ปอนด์ เกิดและเติบโตที่ชานเมืองกรุงเทพฯ หลงใหลการอ่านหนังสือ ชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม สนใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ ปัจจุบันทำงานเป็นนักเขียนอิสระและรับสัมภาษณ์บุคคล สนุกกับการดูซีรี่ย์และทดลองสูตรอาหารใหม่ๆ เมื่อมีเวลาว่าง ติดต่อ Line id : pond_jaa