แบกเป้บุกเดี่ยวอินโด : ตอนที่ 8 ลุยคาวาอีเจี้ยน ทะเลสาบกำมะถัน ด้วยการแชร์ทัวร์กับสาวเมืองผู้ดี

เช้าวันสุดท้าย ณ หมู่บ้านแห่งนี้ ฉันตื่นนอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี พอเปิดประตูห้องออกไปปุ๊บลมหนาวก็พุ่งเข้ามาปะทะหน้าทันที และมีหมอกขาวมาจ่อรออยู่ตรงหน้าเป็นกองทัพ คงเพราะเมื่อคืนฝนตกอากาศจึงชื้นเป็นพิเศษ ฉันรีบปิดประตูหนีความหนาว กลับไปนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มหนานุ่มเหมือนเดิมรอเวลาให้ฟ้าสาง


ภูเขาไฟที่ถูกกลืนหายไปในม่านหมอก

ยามเช้าของหมู่บ้านแทบจะปราศจากนักท่องเที่ยว เพราะทุกคนต่างพากันไปชื่นชมภูเขาไฟโบรโม่และผองเพื่อนเคล้าแสงแรกของวันที่จุดชมวิวกันหมด แต่วันนี้ดูท่าจะเห็นไม่ชัดเท่าไรนักหมอกลงจัดเหลือเกิน 




บริเวณตลาดเช้ามีคนมาตั้งแผงขายของเล็กๆ น้อย จำพวกผักสด กุ้งฝอย ปลาตัวเล็กๆ ใส่ไว้ในเข่ง อยู่สองสามร้าน ร้านค้าก็นำเต้าหู้ซึ่งดูน่าจะเป็นอาหารหลักของคนในท้องถิ่นนี้มาตั้งขาย มีรถขายข้าวเกรียบขับมาส่งของให้ลูกค้า และมีพ่อค้าแม่ค้าเร่ นำเสื้อผ้า ของแห้ง ของใช้ มาวางขายเป็นจุดๆ ตามหน้าเกสต์เฮ้าส์ 



บรรยากาศไม่ถึงกับคึกคักแต่ก็ไม่เงียบเหงาจนเกินไปนัก ฉันเดินถ่ายรูปเล่นเพลินๆ รอเวลาจนเริ่มหิว จึงสั่งบะก์โซมารังจากพ่อค้าหาบเร่แถวนั้นมาซดน้ำซุปอุ่นๆ แก้หนาว


ราวๆ เจ็ดโมงเช้า เริ่มมีรถเบโม่มาจอดรอรับนักท่องเที่ยวแล้ว ฉันจึงลองเข้าไปติดต่อดู ปรากฏว่าคนขับเสนอจะพาไปส่งถึงอีเจี้ยน ราคา 300,000 Rp. (780 บาท) ตอนนั้นยังอยู่ในภาวะมึนๆ ดันตอบตกลงไปเฉยเลย จังหวะที่รับตั๋วมาอยู่ในมือแล้วก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่า เฮ้ย! นี่มันแพงมาก จ่ายราคานี้ได้แค่ไปถึงที่หมายเองนะ ยังไม่รวมค่าที่พัก ค่าไกด์ ค่ารถขึ้นเขา นี่มันตั้งใจจะหลอกกันชัดๆ กรี๊ด...ทำไงดีล่ะ!

“เงินฉันอยู่ในห้องพัก เดี๋ยวกลับมาจ่ายนะ” ฉันรีบโกหกตอแหลเอาตัวรอดเฉพาะหน้าไปก่อน
“โอเคไม่มีปัญหา จอดรถรออยู่ตรงนี้แหละ” เพิ่งสังเกตหน้าคนขับดีๆ ดูไม่น่าไว้ใจสุดๆ แถมก่อนหน้าที่เราจะดีลด้วย ก็มีสาววัยรุ่นอินเดียมาคุยอะไรด้วยสองสามประโยค แล้วเธอก็ปฏิเสธไป จริงๆ ฉันควรเอะใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรือเปล่าว่าเจ้านี่น่าจะขี้โกง

พอกลับไปที่ห้องพัก ฉันจัดแจงเอาแบงค์ใหญ่จากกระเป๋าสตางค์ใบเล็กไปซ่อนไว้ในเป้ เหลือแต่แบงค์ย่อยรวมกันได้ประมาณ 100,000 Rp. เอากลับไปโชว์ให้คนขับรถดู 
“ขอโทษด้วยนะ ฉันมีเงินไม่พอ คงไม่ไปอีเจี้ยนแล้วล่ะ” ฉันดัดเสียงให้ดูน่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้
“โอ๊ย! ไม่มีปัญหา เดี๋ยวพาไปแวะกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม”
“ฉันไม่มีเอทีเอ็ม...ขอเปลี่ยนใจไปแค่โพโบรลิงโกแทนนะ” 
“มีเงินดอลล่าร์มั้ย? จ่ายเป็นดอลล่าร์ก็ได้” คนขับเริ่มพูดเสียงแข็ง
“ดอลล่าร์ก็ไม่มี” ฉันพยายามตีหน้าเศร้าสุดฤทธิ์ โชคดีที่พอมีทักษะแอคติ้งติดตัวมาพอสมควรจากการอยู่สังคมคณะนิเทศฯ

แต่คนขับก็ดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แหงล่ะ...คนบ้าอะไรมาเมืองนอกไม่มีเอทีเอ็ม ไม่มีเงินสำรองติดตัวเลย เถียงๆ กันอยู่สักพัก เราก็โกหกไหลไปเรื่อยว่าเดี๋ยวออกจากที่นี่แล้วจะไปเจอเพื่อน ฝากเงินไว้ที่เพื่อน สุดท้ายจบดีลที่ไปแค่ท่ารถ 50,000 Rp. (130 บาท) แต่เราต่อเหลือ 40,000 (104 บาท) จ่ายเงินเสร็จก็เดินเล่นถ่ายรูปต่อ เพราะรถจะออกประมาณ 9.30 น. ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมง 



เดินห่างจากจุดนั้นมาได้ไม่ถึงร้อยเมตร เจอมินิบัสแบบเดียวกันจอดอยู่สี่คัน และมีหนุ่มฝรั่งหน้าตาใช้ได้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา 

“เฮ้! เธอจะไปท่ารถหรือเปล่า แชร์กับพวกเรามั้ยคนละ 35,000 Rp. (91 บาท) ถ้าเธอมาด้วยก็เต็มคันพอดี รถออกทันทีตอนนี้เลย น่าจะถูกกว่าคนที่เธอคุยด้วยเมื่อกี้นะ คนนั้นเขาดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ เพื่อนฉันไปถามราคามาแล้ว”
“ง่า...ขอบคุณมากนะ แต่เพิ่งจ่ายเงินกับคันนู้นไป” อ๊ากกก ทำไมไม่มาเร็วกว่านี้ เพิ่งควักเงินจ่ายไปสดๆ ร้อนๆ

ฉันเดาว่าตรงที่มินิบัสจอดรวมๆ กันอยู่ น่าจะเป็นจุดขึ้นรถที่แท้จริง ส่วนรถคันที่ฉันเพิ่งจ่ายเงินไป...น่าจะเป็นแก๊งหลอกขายทัวร์ เอาล่ะจุ้ย ได้สนุกสนานไม่จบไม่สิ้นจริงๆ ทริปนี้

ประมาณเก้าโมงมินิบัสขี้โกงของเรา ก็ขับไปรับฝรั่งมาเพิ่มอีกสามคน คิดเงินค่ารถคนละ 35,000 Rp. เดี๋ยวนะ!! แล้วทีแรกที่จะเก็บเรา 50,000 Rp. คืออะไร ยังดีนะที่ต่อราคาไปแล้ว แต่ก็ยังจ่ายแพงกว่าคนอื่นอยู่ดี ยอมไม่ได้โว้ย! “นี่ๆ ฉันเป็นคนไทยจนๆ ทำไมเก็บเงินฉันแพงกว่าฝรั่ง อินโดนีเซียกับไทยเราคืออาเซียนนะ!” คนขับรีบส่งเสียงชู่วววให้เราหุบปากก่อน เพราะกลัวฝรั่งจะแตกตื่นและสุดท้ายก็ยอมทอนเงินให้ 5,000 Rp. ...รอดพ้นการโดนโกงไปหนึ่งยก 

นอกจากเรา ฝรั่งแบ็กแพ็กสามคนคือเบ็กกี้จากลอนดอน จอห์นจากแมนเชสเตอร์ และโทมัสจากเยอรมนีที่แบกเป้เที่ยวด้วยกันแล้ว มินิบัสคันนี้ก็ไปรับแขกจากโรงแรมหรูมาเพิ่มอีกกลุ่มหนึ่ง เป็นคนที่ซื้อทัวร์เที่ยวเหมาตั้งแต่บุโรพุทโธ (Borobudur) โบรโม่ อีเจี้ยน และไปสิ้นสุดที่บาหลี สามคนเป็นครอบครัวอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วย แม่ ลูกชาย ลูกสาว ลูกๆ อยู่ประมาณมัธยมปลาย ส่วนอีกคนเป็นหนุ่มใหญ่เดินทางคนเดียว วัยประมาณ 50 ปีสัญชาตออสซี่ 

ระหว่างทางครอบครัวอินโดนีเซียก็เมาท์มอยกับคนขับอย่างออกรส ด้วยภาษาบาฮาซาที่ไม่มีใครในรถฟังออก ส่วนเรานั่งติดกับเบ็กกี้ สาวอังกฤษออกเดินทางท่องเที่ยวในเอเชียเป็นเวลาแปดเดือน เธอตั้งใจจะอยู่ที่อินโดนีเซียห้าสัปดาห์ ก่อนจะเดินทางกลับลอนดอน ก่อนหน้านี้เธอไปพม่า ไทย ฟิลิปปินส์ อินเดีย เวียดนามมาแล้ว เบ็กกี้ท่าทางเป็นมิตรดี เสียดายที่ภาษาอังกฤษเราง่อยเปลี้ยสุดๆ เลยได้คุยกันไม่เยอะเท่าไหร่

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงตัวเมืองโพโบรลิงโก แต่แทนที่จะพาไปส่งที่ท่ารถ คนขับดันพามาส่งที่บริษัททัวร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ครอบครัวอินโดนีเซียและผู้ชายจากออสเตรเลียซื้อทัวร์ไว้อยู่แล้ว สี่คนนั้นก็เลยลงไปนั่งรอเวลาออกเดินทางชิลล์ๆ เหลือเรา เบ็กกี้ จอห์น และโทมัส ที่ถกเถียงกันอยู่ในรถว่าจะเอายังไงต่อดี เพราะมีคนของบริษัททัวร์ขึ้นมาบนรถ และพยายามจะบังคับให้ทุกคนซื้อทัวร์ไปอีเจี้ยน ราคาคนละ 500,000 Rp. (1,300 บาท)

ทีแรกกลุ่มของเบ็กกี้ยืนกรานว่าจะให้ไปส่งที่ท่ารถตามที่ตกลงกันไว้ แล้วพวกเขาจะหาทางไปอีเจี้ยนกันเอง ส่วนเรารู้สึกว่าราคาที่เสนอมามันก็ไม่ได้แพงมาก เพราะเท่าที่หาข้อมูลตามเว็บต่างๆ มาคนส่วนใหญ่ก็จ่ายค่าทัวร์อีเจี้ยนกันอยู่ที่ประมาณ 500,000 - 750,000 Rp. (1,300-1,950 บาท) ขึ้นอยู่กับความสามารถในการต่อรอง เผลอๆ ถ้าพยายามดั้นด้นไปเองก็อาจจะต้องจ่ายแพงกว่านี้อีก เลยนั่งเงียบๆ รอดูสถานการณ์ไปก่อน ฝรั่งสามคนนั้นก็เถียงรัวๆ และถามนู่นถามนี่เยอะมากจนเราฟังไม่ทัน แต่ในที่สุดก็ตกลงกันได้ โดยเบ็กกี้ต่อราคาทัวร์สำหรับกลุ่มตัวเอง สามคน 1,000,000 Rp. (2,600 บาท) เราที่นั่งสังเกตการณ์อยู่นานก็หูผึ่งเลย ขอต่อรองบ้างเหลือ 400,000  Rp. ก็ยังดี ฉายเดี่ยวต้องเจียมเนื้อเจียมตัวหน่อย 


แต่คนขายทัวร์ไม่ยอมบอกว่า “เธอมาคนเดียวต้องพักห้องเดี่ยว ลดให้ไม่ได้หรอก แต่จริงๆ อีกกลุ่มก็มีสามคน รวมกันได้มั้ยล่ะ จะได้จัดให้นอนห้องละสองคน” เรารีบหันไปทำตาวิ้งๆ ใส่เบ็กกี้ทันที แชร์ห้องกันมั้ยจ๊ะ สรุปว่าเบ็กกี้โอเค เราเลยได้จ่ายค่าทัวร์ในราคา 350,000 Rp. (910 บาท) ได้ทุกอย่างครบครัน และหลังจากจบทริป รถก็จะไปส่งถึงท่าเรือที่จะข้ามไปบาหลีเลยด้วย 

เฮ้อ...ไม่อยากจะคิดว่าทีแรกถ้าโง่จ่าย 300,000 Rp. แล้วได้เฉพาะรถไปส่งถึงอีเจี้ยนจะเป็นยังไง 

--

ช่วงนี้ชี้แนะ

คำแนะนำสำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อทัวร์แบบเหมารวมทั้งโบรโม่และคาวาอีเจี้ยน
- รถเบโม่คือมินิบัสสีเขียว วิ่งรับ-ส่งคนจากหมู่บ้านเซโมโลลาวังกับเมืองโปรโบลิงโก ค่ารถไม่ควรเกิน 35,000 รูเปียห์ 
- ค่าทัวร์จากโบรโม่ไปคาวาอีเจี้ยนที่เหมาะสม อยู่ที่ประมาณ 350,000 - 500,000 รูเปียห์ สอบถามให้แน่ชัดว่าราคานี้ครอบคลุมอะไรบ้าง หลักๆ เลยต้องมีรถไปส่งถึงคาวาอีเจี้ยน และขากลับก็ไปส่งตรงจุดต่อรถที่เราต้องการ ค่าที่พักหนึ่งคืนรวมอาหารเช้า และค่าไกด์ที่พาไปคาวาอีเจี้ยน

ความคิดเห็น

  1. รบกวนสอบถามหน่อยครับ รถเบโม่คือมินิบัสสีเขียว วิ่งรับ-ส่งคนจากหมู่บ้านเซโมโลลาวังกับเมืองโปรโบลิงโก ค่ารถไม่ควรเกิน 35,000 รูเปียห์ จะมีรถออกจากหมู่บ้านเซโมโลลาวัง วันล่ะกี่เที่ยวครับ และเวลาไหนบ้างครับ

    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

รูปภาพของฉัน
pOndjaa
ชื่อ ปอนด์ เกิดและเติบโตที่ชานเมืองกรุงเทพฯ หลงใหลการอ่านหนังสือ ชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม สนใจเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ ปัจจุบันทำงานเป็นนักเขียนอิสระและรับสัมภาษณ์บุคคล สนุกกับการดูซีรี่ย์และทดลองสูตรอาหารใหม่ๆ เมื่อมีเวลาว่าง ติดต่อ Line id : pond_jaa